ผลลัพธ์ระหว่าง Sculptra แตกต่างจาก Filler อย่างไร ?

1487 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ผลลัพธ์ระหว่าง Sculptra แตกต่างจาก Filler อย่างไร ?

ผลลัพธ์ระหว่าง Sculptra แตกต่างจาก Filler อย่างไร ?

แล้วแบบไหนผลลัพธ์ดีกว่า ?



          เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น นอกจากปัญหาสุขภาพแล้วอีกหนึ่งตัวการสำคัญก็คือ ปัญหาผิว เพราะเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนน้อยลง เมื่อผิวขาดคอลลาเจนก็จะทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ทำให้เกิดปัญหาผิวเป็นร่องลึก และมีหลาย ๆ คนแก้ปัญหานี้ด้วยการ ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อแก้ปัญหาร่องลึกที่เกิด ซึ่งข้อดีของการทำฟิลเลอร์ คือ การปรับรูปหน้าให้ดูอิ่มฟูได้ดี

          แต่วันนี้แอดจะมาแนะนำอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน นั่นก็คือ การฉีด Sculptra ซึ่งแอดจะพาไปทำความรู้จักเกี่ยวกับ Sculptra ว่าคืออะไร ? และทั้งสองแบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร ไปอ่านกันเลยครับ


Sculptra คืออะไร ? แก้ปัญหาผิวได้อย่างไร ?

          Sculptra มี Poly-L-Lactic Acid (PLLA) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และได้รับการอนุมัติจาก FDA ของสหรัฐอเมริกา (FDA) จึงมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

          การทำงานของ Sculptra จึงเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ซึ่งจะไปกระตุ้นที่เซลล์ไฟโบรบราสต์ (Fibroblasts) ในผิวให้มีการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ตัวคอลลาเจนที่เป็นโปรตีนจะช่วยให้ผิวมีความแน่นหนา ทำให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น และผลลัพธ์อยู่ได้นานมาก ในบางคนอยู่ได้นาน 1 - 2 ปีหรืออาจจะอยู่ได้นานกว่านั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล


 

Filler คืออะไร ? ช่วยปรับผิวได้อย่างไร ?

          Filler เป็นการใช้สารไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) มาเติมเต็มหรือปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมมาตร มีมิติ ดูอ่อนเยาว์ ดูอวบอิ่มมากขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอยที่เป็นร่องลึกให้ตื้นขึ้น นิยมนำมาเติมบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ หรือบริเวณปาก และเป็นที่นิยมกันมากในคลินิกความงามทั่วประเทศ เพราะเป็นการทำที่เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จเลย แต่สามารถอยู่ได้ประมาณ 6 - 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้และการดูแลตัวเองหลังทำไปด้วยครับ

 



ความแตกต่างระหว่าง Sculptra และ Filler

          ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic acid ที่มีหลายประเภทและหลายยี่ห้อที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปการทำฟิลเลอร์จะสามารถแก้หรือปรับได้ตามความต้องการได้เลย เพราะทำแล้วจะเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที แต่จะอยู่ได้ไม่นานเท่ากับการทำ Sculptra 

          ส่วน Sculptra ใช้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิว จะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์อยู่เรื่อย ๆ ในระหว่างที่คอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้น แต่อาจจะใช้เวลาในการเห็นผลได้ช้ากว่าฟิลเลอร์ โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในช่วง 3 - 4 สัปดาห์หลังจากที่ทำ และจะอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า

 




          สรุป Sculptra กับ Filler จะเน้นการแก้ปัญหาและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน โดยความสามารถหลักของ Sculptra คือการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ แต่การทำ Filler จะเป็นการเติมเต็มและแก้ไขเฉพาะจุด และเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที ดังนั้นการจะเลือกทำเป็นตัวไหนจะขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและให้ผลที่ยาวนาน ก็อาจจะต้องเลือกเป็นการทำ Sculptra แต่ถ้าหากต้องการผลลัพธ์ที่เห็นผลเร็วและไม่ห่วงเรื่องระยะเวลาการคงอยู่ ก็อาจจะเลือกเป็นการทำ Filler จะเหมาะสมกว่าครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำ Sculptra หรือ Filler ก็ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้แนะนำจะเหมาะสมและเป็นผลดีกับแต่ละท่านมากกว่าครับ






 

Facebook : https://www.facebook.com/lotteclinic8/
Inbox : m.me/lotteclinic8
Line Official : https://lin.ee/aA680qy
Youtube : youtube.com/c/lotteclinic
Instagram : instagram.com/lotteclinic/
Tiktok : tiktok.com/@lotteclinic
Hotline : 088-555-3421

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้