116 จำนวนผู้เข้าชม |
ใส่แมสแล้วสิวขึ้น? เคล็ดลับกู้ผิวใส!
ในปัจจุบันแม้จะเปิดพ.ศ.ใหม่แล้วก็ตามแต่ใครหลาย ๆ คนก็ยังมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันมลภาวะ เเบคทีเรียรวมไปถึงเจ้าฝุ่น PM2.5 อยู่เสมอ เเละสาเหตุนี้เองครับที่ทำให้ใบหน้าเกิดผดผื่นและสิวที่เกิดจากการแพ้หน้ากากอนามัยตามมา จนอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนเกิดความกังวลใจ เกร็ดความรู้นี้แอดจะพาไปรู้ถึงสาเหตุของการเกิดสิวชนิดนี้ และวิธีแก้ไขปัญหาที่ตอบโจทย์ให้ใบหน้ากลับมาเนียนใสอีกครั้งครับ
สวมใส่หน้ากากอนามัยแล้วสิวขึ้น เพราะอะไร ?
ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 การสวมหน้ากากอนามัยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา แต่สิ่งที่ตามมาคือปัญหาผิวที่เรียกว่า "Maskne" หรือ สิวจากการใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ
Maskne ไม่ใช่เพียงแค่สิวธรรมดา แต่เป็นกลุ่มของปัญหาผิวที่เกิดจากการสวมหน้ากากเป็นเวลานาน ทำให้เกิด การอุดตัน รูขุมขนระคายเคือง และการแพ้สัมผัส จนกลายเป็นสิวและผดผื่น โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
สิวอักเสบ เกิดจากรูขุมขนอุดตันและมีเชื้อแบคทีเรียสะสม
สิวหัวดำ-หัวขาว เกิดจากการสะสมของน้ำมันและสิ่งสกปรกใต้ผิว
ผดผื่นแดง เกิดจากการเสียดสีของหน้ากาก ทำให้ผิวอักเสบและแพ้สัมผัส
ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย หน้ากากอาจดูดซับความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวแห้งเสียสมดุล
สาเหตุที่สิวขึ้นจากการใส่หน้ากากอนามัยคืออะไร ?
1. การเสียดสีและแรงกดทับ
หน้ากากอนามัยสัมผัสกับผิวหน้าโดยตรงตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะบริเวณ แก้ม จมูก คาง และขากรรไกร เมื่อเกิดการเสียดสีซ้ำๆ จะทำให้เกิดการระคายเคือง และอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิว
2. ความอับชื้นและการสะสมของแบคทีเรีย
เมื่อเราหายใจในหน้ากาก ความชื้นจากลมหายใจจะสะสมอยู่ด้านใน ทำให้เกิด สภาวะอับชื้น ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียที่กระตุ้นให้เกิดสิว โดยเฉพาะแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes ที่เป็นสาเหตุหลักของสิวอักเสบ
3. การอุดตันของรูขุมขน
น้ำมันส่วนเกิน เหงื่อ และเครื่องสำอางที่ใช้ใต้หน้ากาก สามารถสะสมและอุดตันรูขุมขนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะหากเราใส่หน้ากากที่ไม่สะอาดหรือไม่ได้เปลี่ยนบ่อย ๆ
4. มลพิษทางอากาศ
ฝุ่น PM 2.5 ควันเสีย และสารพิษในอากาศ สามารถเกาะติดบนผิวและซึมเข้าสู่รูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตันและกระตุ้นการอักเสบของผิว เมื่อรวมกับ ความอับชื้นและการเสียดสีจากหน้ากากอนามัย ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดสิวหรือ Maskne มากขึ้น
5. การแพ้วัสดุของหน้ากาก
บางคนอาจแพ้เนื้อผ้าหรือสารเคมีที่ใช้ในการผลิตหน้ากาก เช่น หน้ากากที่มีสารฟอกขาว น้ำหอม หรือยางยืดที่มีส่วนผสมของลาเท็กซ์ ทำให้เกิดผื่นแพ้สัมผัส หรืออาการผิวแห้งลอก
ลักษณะของสิวที่เกิดจากการแพ้หน้ากากอนามัยเป็นอย่างไร ?
สิวจากหน้ากากอนามัย หรือที่เรียกกันว่า Maskne (Mask + Acne) เป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะคนที่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน สิวประเภทนี้มักเกิดจาก การเสียดสี ความอับชื้น เหงื่อ และแบคทีเรียสะสม ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองและอุดตันรูขุมขน
สิวอักเสบ : เป็นตุ่มแดง บางครั้งมีหนอง หรือบวมอักเสบ มักเกิดบริเวณที่หน้ากากสัมผัสโดยตรง เช่น คาง กรอบหน้า และแก้ม
สิวอุดตัน : มีทั้งหัวดำและหัวขาว เกิดจากความมันและสิ่งสกปรกสะสมใต้ผิว
ผดผื่นแดง : เป็นตุ่มเล็ก ๆ แดง ๆ คล้ายอาการแพ้ อาจมีอาการคันร่วมด้วย
สิวหัวหนอง : เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียภายใต้หน้ากาก ทำให้สิวอักเสบลุกลามจนเกิดหัวหนอง
ผิวลอก แห้ง แสบแดง : อาการแพ้ที่เกิดจากการเสียดสีของหน้ากาก และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงเกินไป
ใส่หน้ากากอนามัยแล้วเป็นสิว! ทำยังไงให้หายสนิท?
ใครเคยเป็นบ้าง ? พอใส่หน้ากากอนามัยนาน ๆ แล้วสิวบุก! ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือผดผื่นคัน แถมรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายขาด วันนี้เรามี วิธีแก้ปัญหา Maskne (สิวจากหน้ากาก) ให้หายสนิท และไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก!
วิธีแก้ปัญหา Maskne ให้หายสนิท
1. เลือกหน้ากากที่เหมาะกับผิว
ใช้หน้ากากอนามัยที่ ระบายอากาศได้ดี เช่น หน้ากากผ้า (เปลี่ยนทุกวัน) หรือหน้ากากอนามัยทางการแพทย์
หลีกเลี่ยงหน้ากากที่ รัดแน่นเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการเสียดสีและระคายเคือง
เปลี่ยนหน้ากากทุก 4-6 ชั่วโมง หรือตามความเหมาะสม
2. ล้างหน้าให้สะอาด แต่ไม่บ่อยเกินไป
ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น (อย่าล้างบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้งและกระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่ม)
ใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารระคายเคือง
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอุดตัน เช่น BHA (Salicylic Acid), Tea Tree Oil หรือ Niacinamide
3. บำรุงผิวให้แข็งแรง ลดการอักเสบ
ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา ช่วยลดการเสียดสีของหน้ากากกับผิว
หลีกเลี่ยงครีมที่มีเนื้อหนักหรืออุดตันง่าย
ถ้าผิวอักเสบ ควรใช้ครีมที่มี Centella Asiatica, Panthenol หรือ Aloe Vera เพื่อลดการระคายเคือง
4. หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่อุดตันง่าย
หากต้องแต่งหน้า เลือก เครื่องสำอางที่ไม่มีซิลิโคนหรือออยล์
ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดด้วยคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน
5. ห้ามสัมผัสหน้าบ่อย ๆ
มือของเราสัมผัสสิ่งสกปรกตลอดเวลา ถ้าจับหน้าบ่อย ๆ จะเพิ่มโอกาสให้แบคทีเรียเข้าสู่ผิว
หลีกเลี่ยงการแกะหรือบีบสิว เพราะจะทำให้สิวอักเสบหนักขึ้น
6. เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น
นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
กินอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำเยอะ ๆ
หลีกเลี่ยงอาหารมัน ๆ หวาน ๆ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
Bonus Tip : รักษาสิว Maskne ด้วยวิธีพิเศษ
หากลองเปลี่ยนหน้ากาก ดูแลผิวตามหลักการพื้นฐาน และปรับพฤติกรรมแล้ว แต่สิวจากหน้ากากอนามัย (Maskne) ยังไม่ดีขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าผิวต้องการการดูแลที่ล้ำลึกขึ้น มาดูกันว่าวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น พร้อมฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง
1. ทายารักษาสิวเฉพาะจุด
หากสิว Maskne ขึ้นเยอะหรืออักเสบมาก อาจต้องใช้ ยาทารักษาสิว ที่ช่วยลดการอุดตัน ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบ เช่น
Benzoyl Peroxide (BP) : ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว
Retinol / Tretinoin : ผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน
Clindamycin หรือ Erythromycin : ลดการอักเสบของสิว
คำแนะนำ : ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง เพราะบางตัวอาจทำให้ผิวแห้ง ลอก หรือระคายเคืองได้
2. ฉีดสิว ลดการอักเสบแบบเร่งด่วน
หากมีสิวอักเสบแดง บวม และเจ็บ แพทย์อาจแนะนำให้ ฉีดสิว (Intralesional Corticosteroid Injection) ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้ภายใน 24-48 ชั่วโมง ทำให้สิวยุบเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดรอยดำหรือรอยแผลเป็น
เหมาะสำหรับ : สิวอักเสบเม็ดใหญ่ หรือสิวหัวช้างที่เจ็บและบวม
3. เลเซอร์รักษาสิว กำจัดสิวจากต้นตอ
สำหรับคนที่เป็น Maskne เรื้อรัง รักษาแล้วกลับมาเป็นซ้ำ เลเซอร์รักษาสิว สามารถช่วยลดการเกิดสิวและฟื้นฟูผิวได้ดี โดยมีหลายเทคนิคให้เลือก
โปรแกรม IPL (Intense Pulsed Light)
ช่วยลดรอยแดง รอยดำจากสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
โปรแกรม Q-Switch Laser
ช่วยลดรอยดำจากสิว และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหารอยสิวจาก Maskne
เหมาะสำหรับ : คนที่มีปัญหาสิวอักเสบซ้ำ ๆ หรือมีรอยสิวที่ต้องการฟื้นฟูให้หายเร็วขึ้น
4. กดสิว และทำทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว
หากมีสิวอุดตันหรือสิวหัวขาวที่ฝังลึก การกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญช่วยลดการอุดตันและป้องกันไม่ให้สิวพัฒนาเป็นสิวอักเสบ
AHA / BHA Peeling
เป็นการผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
Deep Cleansing Treatment
ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ลดสิ่งสกปรกตกค้างที่อาจเป็นสาเหตุของสิว
เหมาะสำหรับ : คนที่มีสิวอุดตันหรือสิวหัวดำที่เกิดจากการสะสมของคราบเหงื่อและแบคทีเรียใต้หน้ากาก
5. ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ด้วย Skin Booster
หากผิวเกิดการระคายเคืองและอ่อนแอจากการใส่หน้ากากเป็นเวลานาน Skin Booster หรือ เมโสหน้าใส ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น
โปรแกรมหน้าใสด้วยเกล็ดเลือดตัวเอง
ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมผิว ลดรอยดำ และเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่
โปรแกรม Made Collagen
แม้จะมีสารสกัดจากธรรมชาติเป็นหลัก แต่บางสูตรมี HA ผสมอยู่เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองและขจัดสารพิษใต้ผิว
โปรแกรม Profhilo
เป็นการฉีด HA เข้มข้นสูง (Hyaluronic Acid 100%) ช่วยยกกระชับผิวและเติมเต็มความชุ่มชื้นลึกถึงชั้นใต้ผิว มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
โปรแกรม Reju Healer (รีจูรัน ฮีลเลอร์)
เป็นการฉีดสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนร่วมกับ HA ช่วยซ่อมแซมผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดริ้วรอย
โปรแกรม Filorga NCTF 135 HA
Cocktail สกินบูสเตอร์ที่มี HA ร่วมกับวิตามิน 53 ชนิด ช่วยบำรุงผิวให้สดใสและลดเลือนริ้วรอย
เหมาะสำหรับ : คนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย แห้ง ลอก หรือระคายเคืองจากการใส่หน้ากากเป็นเวลานาน
รักษาสิวจากการหน้ากากอนามัยต้องใช้เวลานานแค่ไหน ?
การรักษาสิวจากหน้ากากอนามัยไม่ใช่เรื่องที่สามารถหายได้ทันที แม้ว่าคุณจะหยุดใช้หน้ากากแล้ว สิวยังคงอยู่ได้สักพัก บางคนอาจต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ถึงจะเริ่มเห็นผล ส่วนคนที่มีสิวที่ลึกหรือติดเป็นวงกว้างอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น แต่ก็คุ้มค่าที่จะอดทนรักษาไปเรื่อยๆ
ป้องกันยังไง ? สิวจากการแพ้หน้ากากอนามัยไม่ให้เกิดซ้ำอีก
ใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าสิวเป็นปัญหาที่ไม่ค่อยน่าพิศมัย ยิ่งถ้าต้องเผชิญกับสิวที่เกิดจากการใช้หน้ากากอนามัยแล้ว ยิ่งรู้สึกหนักใจเข้าไปใหญ่ เพราะนอกจากจะต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาแล้ว ยังต้องคอยรับมือกับปัญหาสิวที่เกิดขึ้นซ้ำๆ วันนี้เราจะมาคุยกันว่าคุณจะป้องกันไม่ให้สิวจากหน้ากากอนามัยเกิดขึ้นอีกได้ยังไงกันบ้าง
1. เลือกหน้ากากอนามัยที่เหมาะสม
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวคือการเลือกใช้หน้ากากที่ไม่เหมาะสม ถ้าหน้ากากแน่นเกินไป หรือทำจากวัสดุที่ระบายอากาศไม่ดี ผิวหน้าก็จะสะสมเหงื่อและความชื้นได้มากขึ้น ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ ดังนั้น ควรเลือกหน้ากากที่ทำจากผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าคอตตอน หรือผ้าที่มีคุณสมบัติระบายอากาศดี และเลือกขนาดที่พอดีกับใบหน้า ไม่แน่นหรือหลวมเกินไป
2. ล้างหน้าให้สะอาด
การล้างหน้าหลังจากถอดหน้ากากทุกครั้งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะความชื้นและเหงื่อที่สะสมในหน้ากากทำให้รูขุมขนอุดตันได้ ถ้าไม่ล้างหน้าให้สะอาดหลังจากใช้หน้ากาก อาจจะเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวตามมาได้ ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว และไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันสิวได้ เช่น เจลหรือครีมที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิกแอซิด หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ที่ช่วยฆ่าแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว
4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าด้วยมือ
ถ้าคุณต้องการรักษาผิวหน้าให้ปราศจากสิวจากหน้ากากอนามัย อย่าลืมหลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าโดยไม่จำเป็น มือเราเต็มไปด้วยแบคทีเรียและสิ่งสกปรก หากเอามือไปสัมผัสหน้าแล้วถูไถกับหน้ากากก็จะยิ่งทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นแหล่งเพาะเชื้อของสิวได้
5. ถอดหน้ากากให้ถูกวิธี
การถอดหน้ากากอย่างถูกต้องก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าคุณถอดหน้ากากแล้วทิ้งไว้ในที่สกปรกหรือใช้ซ้ำหลายครั้ง อาจจะทำให้หน้ากากนั้นสะสมเชื้อโรคและสิ่งสกปรกจากภายนอกมาอยู่บนผิวหน้าได้ ควรถอดหน้ากากและทิ้งในถังขยะที่ปิดมิดชิด และควรซักหน้ากากผ้าที่ใช้ซ้ำได้ให้สะอาดทุกครั้ง
6. ให้ผิวหน้าพักบ้าง
การให้ผิวหน้าพักจากการใช้หน้ากากเป็นเวลานานๆ ก็ช่วยให้ผิวได้ฟื้นฟูและลดความเสี่ยงจากการเกิดสิวได้ ถ้าไม่ได้ออกไปที่ไหนจริงๆ ลองใช้หน้ากากในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อให้ผิวหน้าของคุณได้หายใจบ้าง
7. ดูแลผิวให้ชุ่มชื้น
บางครั้งสิวที่เกิดจากการใช้หน้ากากอนามัยเกิดจากการที่ผิวหน้าแห้งและขาดความชุ่มชื้น การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวจะช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้านและลดการเกิดสิวได้
แม้ว่าเราจะมีตัวเลือกหลากหลายในการรักษาสิว แต่การเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร การปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินสภาพผิวก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี ที่ "ลอตเต้คลินิก" เรามีบริการประเมินสภาพผิวให้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ตรงจุดและเหมาะสมกับปัญหาผิวมากที่สุด ด้วยความเข้าใจจากทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ การเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมก็จะทำให้สามารถแก้ปัญหาสิวจากหน้ากากอนามัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจมากขึ้น
Facebook : https://www.facebook.com/lotteclinic8/
Inbox : m.me/lotteclinic8
Line Official : https://lin.ee/aA680qy
Youtube : youtube.com/c/lotteclinic
Instagram : instagram.com/lotteclinic/
Tiktok : tiktok.com/@lotteclinic
Hotline : 088-555-3421